วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น




สตรีหิมะ หรือ ยูกิอนนะ (「雪女」, yuki onna, – นางหิมะ)

ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น เป็นชื่อที่ใช้เรียกภูตหิมะที่มีรูปร่างเป็นสตรีที่งดงาม ว่ากันว่าเป็นจิตวิญญาณแห่งฤดูหนาว ซึ่งยูกิอนนะนี้ จะมีลักษณะเป็นผู้หญิงสาวสวย สวมชุดกิโมโนสีขาวสะอาด นางจะปรากฏตัวบนภูเขาหิมะในวันที่มีพายุหิมะ และหลอกล่อให้ผู้ชายที่หลงไหลในความงามของนางไปสู่ความตาย เรื่องเล่าของสตรีหิมะมีหลากหลายอยู่ว่า บางครั้งเล่ากันว่าในวันที่หิมะตกหนัก นักเดินทางที่โชคไม่ดี จะได้พบกับสตรีหิมะท่ามกลางพายุหิมะที่อันตราย เธอจะสวมกิโมโนสีขาว และค่อนข้างตัวสูง บ้างก็เล่าว่าเธอสวมกิโมโนสีแดง แล้วรอยเท้าที่เธอเดิน เต็มไปด้วยคราบเลือด บางครั้งเชื่อว่าสตรีหิมะเป็นวิญญาณของหญิงที่ตั้งครรภ์ ที่ตายเพราะพายุหิมะ และเมื่อใครเดินผ่านมาตามทางแล้วพบเห็นเธอเข้า เธอจะยิ้มแล้วยอมให้คนนั้นอุ้มลูก เหยื่อจะไม่สามารถปล่อยลูกของเธอได้เมื่ออุ้มแล้ว และลูกของเธอจะหนักขึ้นและเย็นจนแข็ง ทำให้เหยื่อขยับไปไหนไม่ได้ และจะจมหิมะตาย

ทว่าเรื่องเล่าที่มีชื่อเสียงของสตรีหิมะ เป็นเรื่องที่มีอยู่ว่า ชายตัดฟืน 2 คน คนหนึ่งยังหนุ่ม ส่วนอีกคนค่อนข้างมีอายุ ติดอยู่ท่ามกลางพายุหิมะไม่สามารถกลับได้ จึงต้องหาที่พักซึ่งเป็นกระท่อมร้างเพื่อหลบหิมะก่อน เมื่อทั้งคู่หลับลง กลางดึกนั้นมีเพียงชายคนที่อายุน้อยกว่ากึ่งหลับกึ่งตื่น เห็นผู้หญิงที่สวมกิโมโนสีขาว หน้าตาซีดเผือด และมีแววตาที่น่ากลัว เป่าลมหายใจใส่ชายคนที่มีอายุกว่า ชายคนที่อายุน้อยกว่าตกใจมากจนพูดไม่ออก แล้วสตรีหิมะก็เข้ามากระซิบว่าเธอจะไว้ชีวิตเขา ตราบเท่าที่เขาไม่แพร่งพรายเรื่องของเธอให้ใครรู้ แล้วสตรีหิมะก็หายตัวไป เขาพบว่าชายคนที่สูงวัยกว่าได้แข็งตายไปแล้ว
หลังจากนั้น 1 ปีให้หลัง เขาได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ค่อนข้างสูง หน้าตาซีดเผือด แต่เป็นผู้หญิงที่หน้าตาดี เขาตัดสินใจแต่งงานและอยู่กินกับเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะมีลูกกับเขาถึง 10 คน แต่ความงามของเธอไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยซักนิดเดียว วันหนึ่งสามีก็เกิดหลุดปาก เล่าเรื่องสตรีหิมะออกมาให้เธอฟัง เมื่อเธอได้ยิน เธอก็คืนร่างกลับเป็นสตรีหิมะตนเดิม ตนเดียวกับที่สามีเคยเจอ ด้วยความเป็นมนุษย์ ฝ่ายสามีเกิดหวาดกลัวภรรยา แต่เพราะว่าเธอเห็นแก่ลูกๆ จึงไว้ชีวิตสามีแล้วหายตัวไป หลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้พบกับสตรีหิมะนางนั้นอีกเลย
ส่วนใหญ่แล้ว เรื่องเล่าของ ยุกิอนนะ จะปรากฏในทางตอนเหนือของเกาะญี่ปุ่นเสียเป็นส่วนมาก ไม่ว่าจะเป็นทางแถบฮอกไกโด หรือทางแถบจังหวัดอิวาเทะ เนื่องจากทางตอนเหนือของญี่ปุ่นจะมีอากาศหนาวเย็น และมีหิมะปกคลุมอยู่เกือบตลอดทั้งปี จึงมีเรื่องเล่าขานของยูกิอนนะ มากกว่าท้องที่อื่นๆ

โรคุโรคุบิ (「ろくろ首」, Rokurokubi, ろくろ首) หรือ สาวคอยาว


เป็นเรื่องเล่าที่เกี่ยวกับ มนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่แต่ต้องคำสาปหรืออาถรรพ์ เมื่อตกกลางคืนจะยืดคอออกไปได้ยาวมาก มักจะเป็นเฉพาะในผู้หญิง มีพฤติกรรมที่จะเป็นอันตรายต่อมนุษย์ สาวคอยาวจะดูดพลังของเหยื่อที่เป็นทั้งคนและสัตว์ และจะใช้ลิ้นเลียเพื่อดับไฟตะเกียง ซึ่งสาวคอยาวนั้นมักจะ เป็นผู้หญิงที่ต้องพบกับรักที่ผิดหวัง เพราะว่าเมื่อสามีมาพบว่าภรรยาตนเป็นสาวคอยาว มักจะหนีไปด้วยความหวาดกลัว
ส่วนมากสาวคอยาวมักจะแฝงตัวอยู่กับคนธรรมดาได้ แต่ต้องทุกข์ทรมาณกับการพยายาม ซ่อนร่างจริงของตัวเอง ถึงแม้ว่าสาวคอยาวพยายามปิดบังร่างจริง แต่ความที่เป็นผีทำให้มีความรู้สึกที่จำเป็นจะต้อง แสดงร่างคอยาวออกมาเสมอๆ สาวคอยาวจึงมักจะแสดงร่างจริงออกมาต่อหน้าพวกขี้เมา หรือพวกงี่เง่าเท่านั้น สาวคอยาวไม่มีนิสัยชอบหลอกคนเหมือนผีร้ายอื่นๆ เพราะยังมีความเป็นมนุษย์อยู่มาก ทั้งยังคิดว่าตัวเองสามารถใช้ชีวิตอย่างมนุษย์ปกติได้ บางครั้งอาการคอยาวจึงออกมาตอนหลับเท่านั้น เมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่าตัวเองปวดคอ และฝันเห็นสถานที่ต่างๆ ในมุมมองที่แปลกๆ
บางครั้งก็ว่าเป็นการถอดวิญาณในขณะนอนหลับ แต่ว่าเป็นการถอดวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ จึงถอดออกไปได้แค่ศีรษะเท่านั้น ทำให้กลายเป็นผีสาวคอยาวขึ้นมา


สาวปากฉีก หรือ คุชิซาเกะอนนะ (「口裂け女」, Kuchisake onna, 口裂け女)


เป็นผีญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงอีกตนหนึ่ง ลักษณะของสาวปากฉีกคือ ปากจะฉีกถึงใบหู เรื่องเล่าของสาวปากฉีกมีทั้งฉบับดั้งเดิมกับฉบับปัจจุบัน ตำนานสาวปากฉีกในสมัยเฮอันเล่ามาว่า มีหญิงสาวที่งดงามยิ่งนัก ไม่เป็นรองใครในแผ่นดิน เป็นภรรยาของซามูไรที่มีชื่อเสียง แต่โชคร้ายที่สามีของเธอ สงสัยว่าเธอจะไปมีชู้ ด้วยความโกรธจึงใช้ดาบคาตานะ ตัดปากของเธอจนฉีกถึงใบหู เพื่อทำลายความงามของเธอ พร้อมทั้งถากถางว่า อย่างนี้แล้วใครจะคิดว่าเธองดงามอีก
สาวปากฉีกเมื่อตายไปจึงกลายเป็นวิญญาณพยาบาท มีพฤติกรรมที่น่ากลัว คือ มักจะยืนอยู่ตรงริมถนน ในช่วงเย็นๆถึงค่ำ ในวันที่หมอกลง และจะสวมผ้าปิดปากไว้ พอใครเดินผ่านมาจะเข้าไปทัก แล้วถามว่า ฉันสวยมั๊ย? ถ้าตอบกลับไปว่าก็สวยนิ แล้วสาวปากฉีกจะถอดผ้าปิดปากออก แล้วถามอีกครั้งว่า แล้วแบบนี้ละ? เหยื่อที่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของสาวปากฉีก ถ้าตกใจแล้วพยายามวิ่งหนี สาวปากฉีกจะวิ่งไล่ และหนียังไงก็หนีไม่พ้น สาวปากฉีกจะเล่นงานเหยื่อโดยจะตัดให้ปากฉีกเหมือนเธอ เชื่อกันว่าหากถูกสาวปากฉีกวิ่งไล่ให้โยนขนมหวานชื่อดัง จะดึงความสนใจสาวปากฉีกไปที่อื่นได้ และยังมีเรื่องเล่าต่อเนื่องในการตอบคำถามของเธอครั้งที่สอง หากตอบว่าไม่สวยเธอก็จะวิ่งไล่และเล่นงาน แต่หากตอบว่า ก็ดูปกติดีนี่ ก็สวยดีนี่ สาวปากฉีกจะพอใจและไม่ทำร้ายเหยื่อ แล้วจากไปแต่โดยดี

สาวปากฉีกจะเป็นอันตรายกับมนุษย์หรือไม่ แล้วแต่สถานการณ์ เธอมีความรวดเร็วสูง และใช้มนต์มายาได้เล็กน้อย ชื่นชอบเวลาได้รับคำชม หรือรู้สึกว่าตัวเองสวย เกลียดคนที่พูดโกหก และคนที่กลัวเธอ

สึจิโนะโกะ (「ツチノコ」, Tsuchinoko, ツチノコ)


สัตว์ประหลาดจำพวกสัตว์เลื้อยคลานคล้ายงู พบในประเทศญี่ปุ่น ในคันไซและเกาะชิโกะกุ เรียก บะชิเฮะบิ (bachi hebi)
สึจิโนะโกะ มีรูปร่างตามคำบอกเล่าของผู้ที่อ้างว่าเคยพบเห็น มีรูปร่างยาวคล้ายงู แต่ลำตัวอ้วนป้อม สั้น ไม่มีขา ความยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ถึง 80 เซนติเมตร มีลวดลายคล้ายงู แต่มีปลายหางแหลมยาวออกมา เคลื่อนไหวได้รวดเร็ว บ้างก็กล่าวว่าสามารถกระโดดได้ไกลหลายเมตรด้วย บ้างก็บอกว่ามันร้องเสียงว่า " จี่ " บ้างก็กล่าวว่าเคยเห็นมันงับหางตัวเองแล้วเคลื่อนที่ไปข้าง ๆ เหมือนท่อนไม้กลิ้ง จากลักษณะตามที่กล่าวมาทั้งหมดทำให้คิดได้ว่า สึจิโนะโกะมีรูปร่างคล้ายกิ้งก่าจำพวกหนึ่งที่เรียกว่า กิ้งก่าลิ้นสีน้ำเงิน (blue-tongued lizard) หรือ กิล่ามอนสเตอร์ (Gila Monster) ที่พบในทะเลทรายทวีปอเมริกาเหนือ เป็นต้น ซึ่งถ้าสึจิโนะโกะมีจริง อาจเป็นไปได้ว่าเป็นสัตว์จำพวกนี้ก็ได้ ในขณะที่บางคนเชื่อว่า แท้ที่จริงแล้วสึจิโนะโกะก็คืองูที่กินอาหารชิ้นใหญ่กว่าลำตัวเข้าไป ทำให้ลำตัวป่องออก แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า การอ้างว่าพบเห็น สึจิโนะโกะมีอยู่ทั่วประเทศญี่ปุ่น
หลักฐานแรกที่มีการกล่าวถึงสึจิโนะโกะ สามารถย้อนกลับไปไกลถึงได้ 10,000 ปีก่อน ในยุคโจมง (Jōmon Period) (10,000 - 300 ปีก่อนคริสต์ศักราช) มีวัตถุที่คล้ายสึจิโนะโกะ ในยุคเอโดะ ในสารานุกรมเล่มแรกของญี่ปุ่นก็ได้มีการกล่าวถึงสึจิโนะโกะด้วย โดยเรียกว่า เยตสุ เฮบิ (yatsui hebi)

อย่างไรก็ตาม สึจิโนะโกะ ได้ถูกอ้างอิงถึงในวัฒนธรรมร่วมสมัยของญี่ปุ่นหลายอย่าง เช่น มีการประกาศให้รางวัลตั้งแต่ 3 ล้าน ถึง 20 ล้านเยนแก่ผู้ที่สามารถจับสึจิโนะโกะเป็น ๆ มาได้ หรือใน การ์ตูน เป็นต้น เช่น โดราเอมอน มีอยู่ตอนหนึ่งใช้ชื่อว่า "ค้นพบ สึจิโนะโกะ" (หรือตอน "เจองูดิน!" ในเล่มที่ 9 ของเนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์) ในเนื้อเรื่องกล่าวถึง โนบิตะที่ต้องการจะเป็นผู้ที่มีชื่อจารึกไว้ในสารานุกรมบุคคลสำคัญของโลก จึงขึ้นเครื่องไทม์ แมชชีน ไปพร้อมกับโดราเอมอนเพื่อหาซื้อ สึจิโนะโกะ ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมในโลกอนาคต มาอวดคนในยุคปัจจุบันว่า ตนเป็นผู้ค้นพบสึจิโนะโกะ แต่ปรากฏว่าเมื่อนำกลับมาแล้ว สึจิโนะโกะได้หนีหายไป ท้ายที่สุดปรากฏว่า ไจแอนท์เป็นผู้ค้นพบสึจิโนะโกะไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น